กบฏอินเดีย ค.ศ. 1857 | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แผนที่ปี ค.ศ. 1912 แสดงศูนย์กลางของการกบฏ | |||||||||
| |||||||||
คู่สงคราม | |||||||||
|
| ||||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||||
ความสูญเสีย | |||||||||
ชาวยุโรป 6,000 คนถูกฆ่า, ชาวอินเดียกว่า 800,000 คนได้รับผลกระทบจากกบฏ ทุพภิกขภัย และโรคระบาด |
กบฏอินเดีย ค.ศ. 1857 เป็นการกบฏเพื่อต่อต้านการปกครองอินเดียของบริษัทอินเดียตะวันออกระหว่างค.ศ. 1857–1858 การกบฏเริ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1857 เมื่อซีปอย หรือทหารราบอินเดียที่ใช้ปืนเล็กยาวเป็นอาวุธที่บริษัทอินเดียตะวันออกเกณฑ์มาเพื่อคุ้มครองผลประโยชน์และช่วยในการรบลุกฮือขึ้นที่เมืองเมรฐะ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเดลี (ปัจจุบันคือโอลด์เดลี) ก่อนจะเกิดการกบฏอื่น ๆ โดยทหารและประชาชนตามมาในพื้นที่ลุ่มคงคาและอินเดียกลาง การกบฏจบลงในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1858 การกบฏครั้งนี้รู้จักในชื่ออื่น ๆ เช่น กบฏซีปอย (Sepoy Mutiny), การจลาจลอินเดีย (Indian Insurrection) และสงครามประกาศเอกราชครั้งที่หนึ่ง (First War of Independence)
บริษัทอินเดียตะวันออกเป็นบริษัทร่วมทุนสัญชาติอังกฤษที่มีจุดประสงค์เพื่อทำการค้ากับภูมิภาคอินเดียตะวันออก จัดตั้งในปี ค.ศ. 1600 บริษัทเข้ามาติดต่อค้าขายกับอินเดียและจัดตั้งสถานีการค้าในปี ค.ศ. 1612 การเข้ามามีบทบาทในอินเดียทำให้บริษัทขัดแย้งกับเจ้าพื้นเมืองและบริษัทของชาติมหาอำนาจอื่น ๆ จนในปี ค.ศ. 1757 บริษัทอินเดียตะวันออกรบกับจักรวรรดิโมกุลและประสบชัยชนะในยุทธการที่ปลาศี ทำให้ได้ครอบครองเบงกอล หลังจากนั้นบริษัททำสงครามกับราชอาณาจักรไมซอร์และจักรวรรดิมราฐา ทำให้ครอบครองดินแดนในอนุทวีปอินเดียมากขึ้น นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ลงความเห็นว่าการกบฏครั้งนี้มีที่มาจากหลายสาเหตุ ได้แก่ ความขัดแย้งด้านความเชื่อ การปกครองและพัฒนาอินเดียให้เป็นตะวันตกจนเกินไปของบริติช และการขูดรีดภาษี อีกหนึ่งปัจจัยที่มักถูกพูดถึงคือข่าวลือเรื่องไขมันที่ชโลมปลอกกระสุนปืนเล็กยาวเอนฟิลด์ พี-53 ที่เป็นอาวุธประจำกายทหารซีปอยนั้นทำมาจากไขมันวัวและหมู ซึ่งวัวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดูและหมูเป็นสัตว์ต้องห้ามของชาวมุสลิม
วันที่ 29 มีนาคม ค.ศ. 1857 มงคล ปาณเฑย (Mangal Pandey) ทหารซีปอยผู้ไม่พอใจบริษัทอินเดียตะวันออกใช้ปืนยิงผู้บังคับบัญชาชาวบริติชก่อนจะถูกจับกุมและถูกประหารชีวิต การประหารชีวิต Pandey ทำให้ทหารบางส่วนไม่พอใจจนในวันที่ 10 พฤษภาคม เกิดเหตุจลาจลในเมืองเมรฐะ อาคารต่าง ๆ ถูกเผาและมีประชาชนถูกฆ่า ทหารซีปอยบางส่วนที่ก่อการกำเริบเดินทางไปยังเดลีอันเป็นที่ประทับของจักรพรรดิบาฮาดูร์ ชาห์ ซาฟาร์แห่งโมกุล และเรียกร้องขอการสนับสนุนซึ่งพระองค์ตอบรับ การจลาจลที่เดลีทำให้ทหารซีปอยหน่วยอื่น ๆ ลุกฮือตาม ชาวมุสลิมส่วนใหญ่เข้าร่วมฝ่ายกบฏ ในขณะที่ชาวซิกข์และปาทานสนับสนุนฝ่ายบริติช ฝ่ายกบฏสามารถยึดเมืองสำคัญของรัฐพิหาร หรยาณา มัธยประเทศ มหาราษฏระ และอุตตรประเทศ ก่อนจะถูกทหารฝ่ายบริติชที่ได้กำลังเสริมมาจากเปอร์เซียและจีนตีโต้ วันที่ 21 กันยายน ฝ่ายบริติชยึดเมืองเดลีคืนจากฝ่ายกบฏได้สำเร็จและเนรเทศจักรพรรดิบาฮาดูร์ ชาห์และพระญาติไปที่ย่างกุ้ง ปลายปี ค.ศ. 1857 ฝ่ายบริติชก็เริ่มยึดดินแดนสำคัญคืนได้และตีทัพฝ่ายกบฏในอินเดียกลางจนแตกพ่ายในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1858 ต่อมาวันที่ 8 กรกฎาคม มีการลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพ ตามมาด้วยการล้างแค้นกบฏที่ก่อเหตุสังหารหมู่ชาวบริติชในการล้อมเมืองกานปุระและลัคเนาด้วยการแขวนคอหรือยิงด้วยปืนใหญ่ การกบฏจบลงในวันที่ 1 พฤศจิกายน เมื่อทางบริติชประกาศนิรโทษกรรมกบฏที่ไม่ก่อเหตุฆาตกรรม ก่อนจะประกาศว่าการกบฏจบลงอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1859
กบฏอินเดีย ค.ศ. 1857 เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้จักรวรรดิโมกุลที่ดำรงอยู่นานกว่า 300 ปีต้องล่มสลาย ด้านรัฐสภาสหราชอาณาจักรออกพระราชบัญญัติรัฐบาลอินเดีย ค.ศ. 1858 ทำให้บริษัทอินเดียตะวันออกสิ้นสภาพในการปกครองอินเดียและถ่ายโอนอำนาจการปกครองไปยังราชสำนักอังกฤษโดยตรง ส่วนกองทหารซีปอยถูกรวมเข้ากับกองทัพอินเดียที่จัดตั้งใหม่ภายใต้บัญชาการของราชสำนักอังกฤษ