ผู้พัฒนา | ไมโครซอฟท์ |
---|---|
ตระกูลระบบปฏิบัติการ | ไมโครซอฟท์ วินโดวส์ |
รหัสต้นฉบับ | Closed source / Shared source |
เผยแพร่สู่ กระบวนการผลิต | RTM: 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549; Vol. Lic.: 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549; Retail: 30 มกราคม พ.ศ. 2550 |
รุ่นล่าสุด | 6.0 Service Pack 2 (SP2) (Build 6002) (6002.18005.090410-1830) / 28 เมษายน ค.ศ. 2009 |
วิธีการอัปเดต | Windows Update, Windows Server Update Services, SCCM |
แพลตฟอร์ม | IA-32, x86-64 |
ชนิดเคอร์เนล | Hybrid |
สัญญาอนุญาต | MS-EULA |
รุ่นก่อนหน้า | วินโดวส์เอ็กซ์พี (2001) |
รุ่นถัดไป | วินโดวส์ 7 (2009) |
เว็บไซต์ทางการ | เว็บไซต์ทางการ |
สถานะการสนับสนุน | |
ยุติการสนับสนุน |
วินโดวส์วิสตา (Windows Vista) คือระบบปฏิบัติการไมโครซอฟท์ วินโดวส์ ที่พัฒนาต่อมาจากวินโดวส์เอกซ์พี และวินโดวส์เซิร์ฟเวอร์ 2003 ปัจจุบันได้วางจำหน่ายให้กับองค์กรธุรกิจวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 และวางจำหน่ายให้กับผู้ใช้ทั่วไปวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2550
ไมโครซอฟท์ประกาศใช้ชื่อ วินโดวส์วิสตา อย่างเป็นทางการแก่สื่อมวลชนในวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 แทนที่ชื่อรหัส ลองฮอร์น (Longhorn) โดยคำว่า วิสตา (Vista) ในภาษาอังกฤษ หมายถึงมุมมอง หรือทิวทัศน์
วินโดวส์วิสตาได้มีความสามารถใหม่หลายร้อยประการ ไม่ว่าจะเป็นระบบแสดงผลกราฟิกใหม่ โปรแกรมใหม่ ความสามารถค้นหาที่ดีกว่าเดิม รวมถึงระบบองค์ประกอบภายในอย่างในส่วนเน็ตเวิร์ก ระบบเสียง การพิมพ์ และการแสดงผลที่ได้ถูกออกแบบและเขียนขึ้นมาใหม่ และยังได้รวมดอตเน็ตเฟรมเวิร์ก 3.0 ซึ่งช่วยผู้พัฒนาระบบสามารถพัฒนาแอปพลิเคชันได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม
อย่างไรก็ดี วินโดวส์วิสตา ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับบรรดาผู้ใช้คอมพิวเตอร์จำนวนมาก แต่หลังจากออกเวอร์ชันทางการแล้ว ก็มีผู้ใช้ส่วนใหญ่แสดงความไม่พอใจและกลับไปใช้ วินโดวส์เอกซ์พี เนื่องจาก วินโดวส์วิสตา ยังไม่ค่อยตอบสนองต่อผู้ใช้ทางบ้านเท่าที่ควร กล่าวคือ วินโดวส์วิสตา ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
หลังจากนั้น ไมโครซอฟท์ได้หยุดการสนับสนุนในระยะ mainstream support บนวินโดวส์วิสตา ในวันที่ 10 เมษายน 2555 และในระยะ Extended support ในวันที่ 11 เมษายน 2560
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
วินโดวส์วิสตา ได้เริ่มพัฒนาครั้งแรกภายใต้ชื่อรหัส ลองฮอร์น (Longhorn) ในกลางเดือนมกราคม พ.ศ. 2544 ก่อนที่การพัฒนาวินโดวส์เอกซ์พีจะเสร็จสมบูรณ์เสียอีก
ในตอนนั้น ทางไมโครซอฟท์ได้ตั้งโปรเจกต์ของวินโดวส์รุ่นใหม่ไว้ 2 รุ่นด้วยกัน ชื่อว่า "ลองฮอร์น" (Longhorn) กับ "เวียนนา" (Vienna) โดยทางไมโครซอฟท์ ได้วางแผนให้ลองฮอร์นนั้น เป็นวินโดวส์รุ่นถัดจากวินโดวส์เอกซ์พี โดยกำหนดวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2546 และจะให้แบล็คคอมบ์วางจำหน่ายหลังจากนั้น แต่พอมาในปี พ.ศ. 2545 ลองฮอร์นก็ถูกเลื่อนการวางจำหน่ายไปเป็นปี พ.ศ. 2547 เนื่องจากติดปัญหาการพัฒนา โดยวินโดวส์ลองฮอร์นรุ่นทดสอบรุ่นแรก ถูกเปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2545 โดยมีคุณลักษณะใหม่คือ รูปแบบการมองเห็นแบบใหม่ที่ชื่อว่า "Plex" รวมไปถึงส่วนติดต่อผู้ใช้ของวินโดวส์ เอกซ์พลอเรอร์แบบใหม่ ซึ่งช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น
หลังจากที่มีการปล่อยข่าวเกี่ยวกับลองฮอร์นแล้วเล็กน้อย ไมโครซอฟท์ได้เปิดตัวลองฮอร์นรุ่นใหม่ คือรุ่นบิลด์ 4008 ในโลกอินเทอร์เน็ต เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 ซึ่งภายหลังได้ถูกวิจารณ์ว่ามีหน้าตาที่ไม่ค่อยสวยมากเท่าไร แต่ก็ได้รับการปรับปรุงให้สวยขึ้นในภายหลัง โดยส่วนที่ปรับปรุงไปจากรุ่นบิลด์ 3683 ซึ่งเปิดตัวเมื่อปลายปี พ.ศ. 2545 นั้นก็คือ ชุดรูปแบบสีน้ำเงินที่ชื่อว่า "เพลกซ์" (อังกฤษ: Plex) และตัวติดตั้งแบบ image-based ของวินโดวส์แบบประยุกต์ ซึ่งทำงานในโหมดกราฟิกตั้งแต่ต้น และสามารถติดตั้งตัวระบบโดยใช้เวลาหนึ่งในสามที่วินโดวส์เอกซ์พีใช้ได้บนฮาร์ดแวร์เดียวกันอีกด้วย รวมไปถึงทาสก์บาร์แบบใหม่ ที่ดูบางลงกว่าของในบิลด์ที่ผ่านมาและเปลี่ยนรูปแบบกราฟิกในการแสดงผลเวลาบนทาสก์บาร์ใหม่ด้วย
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2547 มันสามารถสังเกตได้อย่างชัดเจนว่า ทีมพัฒนาวินโดวส์ของไมโครซอฟท์นั้น กลับมองไม่เห็นว่า อะไรคือสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จในวินโดวส์รุ่นใหม่ เพื่อที่จะวางขายให้กับผู้ใช้
และในปี พ.ศ. 2548 ไมโครซอฟท์ถึงกับช็อก เมื่อแอปเปิลวางจำหน่าย แมคโอเอสเทน ไทเกอร์ ซึ่งรวมเอาคุณลักษณะต่าง ๆ ที่ไมโครซอฟท์คาดว่า จะรวมในลองฮอร์นด้วย อย่างเช่น การค้นหาไฟล์ได้อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการทำงานร่วมกับตัวประมวลผลกราฟิกและเสียงในตัว และดูมีความเสถียรและประสิทธิภาพมากกว่าลองฮอร์นรุ่นที่ปล่อยออกมาเสียด้วย โดยในลองฮอร์นที่ปล่อยออกมาทุกรุ่น มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของ Explorer.exe ซึ่งเป็นสาเหตุให้ระบบทำงานได้ไม่ค่อยดี และทำให้ทีมพัฒนาวินโดวส์ของไมโครซอฟท์นั้น สับสนกับซอร์สโค้ดในลองฮอร์นรุ่นหลัง ๆ ซึ่งพัฒนาแล้วพัฒนาอีก แต่ก็ยังไม่เสถียรเสียที
โดยการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ได้ถูกประกาศให้กับพนักงานบริษัทไมโครซอฟท์เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2547 โดยทีมพัฒนาวินโดวส์ ได้เริ่มพัฒนาลองฮอร์นใหม่ตั้งแต่ต้น เมื่อเดือนกันยายน ในปีเดียวกัน โดยใช้กระบวนการพัฒนาแบบใหม่ ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์จากกลุ่มนักพัฒนาซอฟต์แวร์หลายกลุ่ม รวมถึงตัวของบิลล์ เกตส์เองด้วย ว่า กระบวนการพัฒนาแบบใหม่นี้ จะทำให้ยากต่อการพัฒนามากขึ้นหลายเท่าตัวเลยทีเดียว
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
Windows Media Center, Windows Movie Maker ที่ให้ความละเอียดสูง และ Windows DVD Maker และยังมีคุณลักษณะทั้งหมดของ Windows Vista Business ด้วย ซึ่งได้แก่ ระบบเครือข่ายของสำนักงาน เครื่องมือการจัดการแบบรวมศูนย์ และคุณลักษณะขั้นสูงของการสำรองข้อมูลของระบบ และ Windows Vista Ultimate มีคุณลักษณะการรักษาความปลอดภัยและการปกป้องข้อมูลแบบใหม่ทั้งหมดซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพการทำงานที่วางใจได้ของ Windows Vista ให้สูงขึ้นกว่าเดิมทั้งระบบ
นอกจากนี้ Windows Vista Ultimate ยังสนับสนุนคุณลักษณะของระบบเคลื่อนที่ใหม่ใน Windows Vista ซึ่งได้แก่ Windows Tablet และ Touch Technology, Windows SideShow, Windows Mobility Center
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
วินโดวส์วิสตามีสายผลิตภัณฑ์อยู่ทั้งหมด 6 รุ่นด้วยกัน โดยได้ออกแบบมาให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก หรือสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและในทุกรุ่นยกเว้น Windows Vista Starter จะสามารถรองรับหน่วยประมวลผลกลางทั้งชนิด 32 บิต และ 64 บิต เพื่อให้เหมาะสมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานมากขึ้น
จากเอกสารคำแนะนำของไมโครซอฟท์ ได้ให้คำแนะนำสำหรับการปรับรุ่น (Upgrade) ไปสู่วินโดวส์วิสตาเอาไว้ดังนี้
- สำหรับผู้ที่ใช้ Microsoft Windows XP Home Edition คำแนะนำคือปรับรุ่นไปสู่ Microsoft Windows Vista Home Basic
- สำหรับผู้ที่ใช้ Microsoft Windows XP Tablet PC Edition และ Microsoft Windows XP Media Center Edition คำแนะนำคือปรับรุ่นไปสู่ Microsoft Windows Vista Home Premium
- สำหรับผู้ที่ใช้ Microsoft Windows XP Professional, Professional x64 Edition และ Tablet PC Edition คำแนะนำคือปรับรุ่นไปสู่ Microsoft Windows Vista Business
หลังจากวิสตารุ่นเดิม ออกจำหน่ายได้ระยะหนึ่ง ได้มีรุ่นปรับปรุงออกจำหน่ายดังนี้
ไมโครซอฟท์ได้หยุดการสนับสนุนวินโดวส์วิสตาทุกรูปแบบตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2017 เป็นต้นไป ซึ่งหมายถึงจะไม่มีการอัปเดตด้านความปลอดภัยและบริการทุกอย่างที่เกี่ยวข้องจากไมโครซอฟท์อีกต่อไป และผู้พัฒนาด้านอื่น ๆ จะเริ่มทยอยหยุดการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้กับวินโดวส์วิสตา
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
และ |date=
(help)