ไพไรต์ | |
---|---|
ผลึกลูกบาศก์ของไพไรต์ | |
การจำแนก | |
ประเภท | แร่ซัลไฟด์ |
สูตรเคมี | FeS2 |
คุณสมบัติ | |
มวลโมเลกุล | 119.98 g/mol |
สี | สีเหลืองอ่อนสะท้อนแสง; เมื่อหมองมีสีเข้มขึ้นและมีสีเหลือบ |
รูปแบบผลึก | ลูกบาศก์, ผิวหน้าอาจมีรอยริ้วขนาน มักพบเป็นแปดด้านและ pyritohedral, ทรงกลมละเอียด เป็นประกาย |
โครงสร้างผลึก | ไอโซเมตริก |
การเกิดผลึกแฝด | Penetration and contact twinning |
แนวแตกเรียบ | Indistinct on {001}; partings on {011} and {111} |
รอยแตก | ไม่สม่ำเสมอ บางครั้งแตกแบบฝาหอย |
ความยืดหยุ่น | เปราะ |
ค่าความแข็ง | 6–6.5 |
ความวาว | วาวแบบโลหะ |
สีผงละเอียด | สีดำเขียว ถึงสีดำน้ำตาล |
ความถ่วงจำเพาะ | 4.95–5.10 |
ความหนาแน่น | 4.8–5 g/cm3 |
การหลอมตัว | 2.5–3 to a magnetic globule |
สภาพละลายได้ | ไม่ละลายน้ำ |
ความโปร่ง | ทึบแสง |
คุณสมบัติอื่น | พาราแมกเนติก |
อ้างอิง: |
ไพไรต์ (อังกฤษ: pyrite) คือผลึกแร่โลหะชนิดที่มีสีเหลืองอร่าม คำว่าไพไรต์มาจากภาษากรีก ที่มีความหมายว่าไฟ (pyr-) เหตุที่เรียกว่าไฟก็เนื่องมาจากไพไรต์เมื่อนำไปกระทบกับเหล็กแรง ๆ จะทำให้เกิดประกายไฟออกมา ประโยชน์ของไพไรต์ส่วนใหญ่จะนิยมนำไปทำเป็นเครื่องประดับ หรือนำไปเป็นส่วนผสมในการทำกรดกำมะถัน เนื่องจากไพไรต์มีสีเหลืองอร่ามจนดูคล้ายกับทองคำ จึงมักจะทำให้ผู้ที่พบเห็นเข้าใจผิดอยู่เสมอว่ามันคือทองคำ จนได้ฉายาว่า "ทองคนโง่" (Fool's Gold)
สาเหตุที่ไพไรต์มีอีกชื่อคือทองคนโง่ มาจากเซอร์ มาร์ติน โฟรบิเชอร์ นักสำรวจชาวอังกฤษพบหินสีดำที่เป็นประกายบนเกาะ Kodlunarn ในประเทศแคนาดาในปัจจุบันและเชื่อว่าเป็นทองคำ ในค.ศ. 1577 โฟรบิเชอร์ที่ได้รับเงินสนับสนุนกลับมาที่แคนาดาและตั้งเหมืองเพื่อขุดแร่นี้ ปีต่อมาสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษพระราชทานเงินแก่โฟรบิเชอร์เพื่อสนับสนุนการเดินทางไปที่แคนาดาอีกครั้ง โดยในการเดินทางครั้งนี้โฟรบิเชอร์บรรทุกหินมากว่า 1400 ตัน แต่เมื่อนำหินไปสกัดแร่ กลับพบว่าหินเหล่านี้เป็นหินกลุ่มแอมฟิบอไลต์และไพรอกซีไนต์ที่ไม่มีค่า ที่สุดแล้วหินเหล่านี้ถูกนำไปทำเป็นถนน
ไพไรต์เป็นแร่ในกลุ่มซัลไฟด์ มีสูตรเคมีคือ FeS2 มีโครงสร้างผลึกแบบลูกบาศก์ มีความหนาแน่น 4.8–5 กรัม/ลูกบาศก์เซนติเมตร ความถ่วงจำเพาะ 4.95–5.10 และค่าความแข็งตามมาตราโมส 6–6.5
มีความเชื่อในประเทศไทยว่าไพไรต์เป็นวัตถุมงคลที่มีอำนาจในการป้องกันสิ่งชั่วร้าย เรียกว่า ข้าวตอกพระร่วง